17. เพราะพระองค์ทรงเป็นเกียรติสิริและเป็นกำลังของพวกเขาโดยความโปรดปรานของพระองค์ พระองค์ทรงเชิดชูพลังอำนาจของข้าพระองค์ทั้งหลาย
18. แน่ทีเดียว โล่ของเราทั้งหลายเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากษัตริย์ของเราเป็นขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
19. ครั้งหนึ่งพระองค์ตรัสผ่านทางนิมิตกับเหล่าประชากรผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ว่า“เราได้ประทานกำลังแก่นักรบผู้หนึ่งเราได้เชิดชูชายหนุ่มคนหนึ่งจากหมู่ชน
20. เราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเราเราเจิมเขาด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเรา
21. มือของเราจะค้ำชูเขาแน่ทีเดียว แขนของเราจะช่วยให้เขาเข้มแข็ง
22. ข้าศึกจะไม่มีชัยเหนือเขาคนชั่วร้ายจะไม่กดขี่ข่มเหงเขา
23. เราจะขยี้คู่อริของเขาต่อหน้าเขาและโค่นล้มบรรดาปฏิปักษ์ของเขา
24. ความรักมั่นคงของเราจะคงอยู่กับเขาพลังอำนาจของเขาจะได้รับการเชิดชูโดยนามของเรา
25. เราจะวางมือของเขาเหนือทะเลวางมือขวาของเขาเหนือแม่น้ำทั้งหลาย
26. เขาจะร้องต่อเราว่า ‘พระองค์ทรงเป็นบิดาเป็นพระเจ้า พระศิลา และพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์’
27. เราจะตั้งเขาเป็นบุตรหัวปีของเราให้เขาได้รับการยกย่องเทิดทูนสูงสุดในหมู่กษัตริย์ของแผ่นดินโลก
28. เราจะถนอมความรักของเราที่มีต่อเขาไปตลอดกาลและพันธสัญญาของเราต่อเขาจะไม่มีวันสิ้นสุด
29. เราจะสถาปนาเชื้อสายของเขาไว้เป็นนิตย์บัลลังก์ของเขาจะยืนยงอยู่คู่ฟ้าสวรรค์
30. “หากลูกหลานของเขาละทิ้งบทบัญญัติของเราไม่ได้ประพฤติตามกฎเกณฑ์ของเรา
31. หากพวกเขาฝ่าฝืนกฎหมายของเราไม่ทำตามคำบัญชาของเรา
32. เราจะลงโทษบาปของเขาด้วยไม้เรียวและเฆี่ยนตีเขาเพราะความชั่วช้า
33. แต่เราจะไม่ริบความรักของเราคืนจากเขาและจะไม่มีวันผิดคำมั่นสัญญาของเรา
34. เราจะไม่ละเมิดพันธสัญญาของเราเราจะไม่กลับกลอกคืนคำ
35. เราได้ลั่นวาจาปฏิญาณเป็นคำขาดโดยความบริสุทธิ์ของเราและเราจะไม่มุสาต่อดาวิด
36. คือเชื้อสายของเขาจะดำรงอยู่นิรันดร์และบัลลังก์ของเขาจะยั่งยืนต่อหน้าเราดุจดวงอาทิตย์
37. จะตั้งมั่นคงอยู่ตลอดกาลดั่งดวงจันทร์ซึ่งเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ในท้องฟ้า”เสลาห์