พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย

ปัญญาจารย์ 5:1-16 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

1. จงระมัดระวังแต่ละย่างก้าวเมื่อท่านไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปฟังใกล้ๆ ก็ดีกว่าถวายเครื่องบูชาแบบคนโง่ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด

2. อย่าปากไวอย่าใจร้อนผลีผลามพลั้งปากพล่อยๆ ต่อหน้าพระเจ้าพระเจ้าประทับในฟ้าสวรรค์ส่วนท่านอยู่บนโลกฉะนั้นจงพูดแต่น้อยคำ

3. ห่วงกังวลมากก็ฝันมากยิ่งพูดมากก็ยิ่งพูดโง่ๆ

4. เมื่อถวายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้ว จงรีบทำให้ครบถ้วน พระเจ้าไม่พอพระทัยคนโง่ จงทำตามที่ปฏิญาณไว้

5. ไม่ปฏิญาณยังดีกว่าปฏิญาณแล้วไม่ทำให้ครบถ้วน

6. อย่าให้ปากพาตัวหลงทำบาป และอย่าแก้ตัวกับผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเผลอปฏิญาณไป” จะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธวาจาของท่านและทำลายกิจการจากน้ำมือของท่านทำไมเล่า?

7. ฝันมากและพูดมากก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้าเถิด

8. หากท่านเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงรังแกและเห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกละเลยในที่ใดก็ตาม อย่าฉงนสนเท่ห์เลย เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่อยู่เหนือเขาและเหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีผู้บังคับบัญชาสูงขึ้นไปอีก

9. ทุกคนฉวยเอาผลิตผลจากแผ่นดิน กษัตริย์เองทรงได้ประโยชน์จากเรือกสวนไร่นา

10. ผู้รักเงินย่อมไม่อิ่มด้วยเงินผู้รักสมบัติไม่เคยอิ่มด้วยรายได้นี่ก็อนิจจัง

11. เมื่อมีข้าวของเพิ่มขึ้นก็เพิ่มคนบริโภคคนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไรนอกจากชมเล่นเป็นขวัญตา?

12. กรรมกรนอนหลับสบายไม่ว่าเขาได้กินมากหรือกินน้อยแต่ข้าวของเหลือเฟือของคนรวยไม่ช่วยให้เขาหลับได้

13. ข้าพเจ้าได้เห็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจภายใต้ดวงอาทิตย์คือทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้จนเป็นภัยอันตรายแก่เจ้าของ

14. หรือทรัพย์สมบัติสูญสิ้นไปเนื่องจากเคราะห์กรรมบางอย่างจนไม่มีอะไรเหลือตกทอดให้ลูกหลาน

15. คนเราเกิดมาจากท้องแม่ตัวเปล่าอย่างไรก็จะจากไปอย่างนั้นเขาไม่อาจหยิบฉวยผลงานจากการตรากตรำติดมือไปได้เลย

16. นี่ก็เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจด้วยคือคนเรามาอย่างไรก็จากไปอย่างนั้นแล้วเขาได้ประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อเขาตรากตรำไปอย่างลมๆ แล้งๆ?